การทำงานนั้นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเห็นแก่ประโยชน์ของตนมากกว่า ก็จะทำให้เกิดปัญหาผิดใจกันได้ เหมือนอย่างเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองซินจู ประเทศไต้หวัน ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างซึ่งเป็นแรงงานข้ามชาติ
ศูนย์บริการแรงงานข้ามชาติ ได้รายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นของหญิงสาวคนหนึ่งนามแฝงว่า เอส ซึ่งได้ทำงานเป็นแม่บ้านให้กับครอบครัวหนึ่งมานานกว่า 4 ปี ทว่าครอบครัวดังกล่าวกลับให้เธอช่วยงานธุรกิจอาหารควบคู่ไปด้วย ซึ่งผิดไปจากข้อตกลงในสัญญาว่าจ้าง ทั้งยังไม่มีการจ่ายค่าล่วงเวลาเลยด้วยซ้ำ
นั่นทำให้ เอส ต้องทำงานอย่างหนัก ทั้งงานบ้านและงานร้านอาหารไปด้วย แต่เธอก็ได้อดทนทำงานต่อมาจนรู้สึกว่าทนไม่ไหวแล้ว เนื่องจากไม่ว่าเธอจะพยายามแจ้งปัญหาของเธอให้กับนายจ้าง เขาก็ไม่ได้ช่วยเหลือเธอเลยแม้แต่น้อย จนเอสตัดสินใจที่จะลาออก ครอบครัวนี้ก็บอกให้เธออยู่จนกว่าจะหาแม่บ้านคนใหม่มาแทนได้
แต่หญิงสาวไม่ยอมและปฏิเสธ นายจ้างจึงโกรธอย่างมาก เขาบอกกับเธอว่า หากเธอออกจากงานไปหางานใหม่ก่อนกำหนด เขาจะริบค่าจ้างที่เหลือและเรียกค่าชดเชย 4 หมื่นดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 43,656 บาทไทย) เธอจึงตัดสินใจไปขอความช่วยเหลือศูนย์บริการแรงงานข้ามชาติ
ทางศูนย์บริการแรงงานข้ามชาติได้นัดให้เธอและนายจ้างมาเจรจาร่วมกัน จนสุดท้ายได้ข้อสรุปว่า นายจ้างจะยอมให้เธอลาออกจากงานได้ และยินดีจะจ่ายค่าจ้างที่เหลือให้เธอ
เมื่อถึงเวลาที่เขาต้องจ่ายเงินค่าจ้างให้ตามที่ตกลง นายจ้างกลับยกถุงใหญ่ๆ สองถุงมาวางไว้ ด้านในบรรจุเหรียญ 1 ดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 1.09 บาทไทย) ไว้จนเต็ม ทั้งยังบอกให้เอสไปนับเอง และกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า มีปัญหากับเหรียญหรือ เหรียญก็คือเงินเหมือนกัน
การกระทำของนายจ้างรายนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่และพนักงานที่อยู่ที่นั่น รู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากเขาจะไม่ขอโทษแล้ว ยังได้ทำการดูแคลนแรงงานต่างชาติด้วยการจ่ายค่าจ้างเป็นเงินเหรียญ ทำให้หญิงสาวต้องหิ้วเหรียญทั้งหมดไปให้พนักงานไปรษณีย์ช่วยกันนับเงินและเปลี่ยนเป็นธนบัตรให้อย่างลำบาก
เมื่อเรื่องราวดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ชาวไต้หวันก็ได้วิพากษ์วิจารณ์การกระทำของนายจ้างและครอบครัวนี้ว่าทำเกินไป เป็นการไม่ให้เกียรติอาชีพแม่บ้านและแรงงาน อีกทั้งยังได้เรียกร้องให้ทางศูนย์บริการแรงงานข้ามชาติเปิดเผยชื่อของร้านดังกล่าวเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับคนอื่นๆ อีกต่อไป
ที่มา : Hsinchu.HMISC, khaosod
